|
เนื้อเรื่อง
สา มทฺที ปางนั้นส่วนสมเด็จพระมัทรีศรีสุนทรเทพกัญญา จำเดิมแต่พระนางเธอลีลาล่วงลับพระอาวาส พระทัยนางให้หวั่นหวาดพะวงหลัง ตั้งแต่พระทัยเป็นทุกข์ถึงพระเจ้าลูกมิลืมเลย
เดินพลางทางเสวยพระโศกพลาง พระนัยเนตรทั้งสองข้างไม่ขาดสายพระอัสสุชล พลางพิศดูผลาผลในกลางไพรที่นางเคยได้อาศัยทรงสอยอยู่เป็นนิตย์ผิดสังเกต
เหตุไฉนไม้ที่ผลเป็นพุ่มพวง ก็กลายกลับเป็นดอกดวงเดียรดาษอนาถเนตร แถวโน้นก็แก้วเกดพิกุลแกมกับกาหลง ถัดนั่นก็สายหยุดประยงค์และยมโดย
พระพายพัดก็ร่วงโรยรายดอกลงมูนมอง แม่ยังได้เก็บดอกมาร้อยกรองไปฝากลูก เมื่อวันวานก็เพี้ยนผิดพิสดารเป็นพวงผล
ผิดวอกลแต่ก่อนมา สพฺพา มุยฺหนฺเม ทิสา ทั้งแปดทิศก็มืดมิดมัวมนทุกแห่งหน
ทั้งขอบฟ้าก็ดาษแดงเป็นสายเลือด ไม่เว้นวายหายเหือดเป็นลางร้ายไปรอบข้าง ทกฺขิณกฺขิ
พระนัยนเนตรก็พร่าง ๆ อยู่พรายพร้อย ในจิตใจของแม่ยังน้อยอยู่นิดเดียว ทั้งอินทรีย์ก็เสียว ๆ สั่นระรัวริก แสรกคานบันดาลพลิกพลัดลงจากพระอังสา
ทั้งขอน้อยในหัตถาที่เคยถือ ก็เลื่อนหลุดลงจากมือไม่เคนเป็นเห็นอนาถ เอ๊ะประหลาดหลากแล้วไม่เคยเลย โอ้อกเอ๋ยมหัศจรรย์จริง ยิ่งคิดก็ยิ่งกริ่ง ๆ กรอมพระทัย
เป็นทุกข์ถึงพระลูกรักทั้งสองคน
เดินพลางนางก็รีบเก็บผลาผลแต่ตามได้
ใส่กระเช้าสาวพระบาทบทจรดุ่มเดินมาโดยด่วน พอประจวบจวนพญาพาฬมฤคราช สะดุ้งพระทัยไหวหวาดวะหวีดวิ่งวนแวะเข้าข้างทาง พระทรวงนางสั่นระรัวริกเต้นดั่งตีปลา ทรงพระกันแสงโศกาไห้พิไรร่ำว่ากรรมเอ๋ยกรรมกรรมของมัทรี โอเวลาปานฉะนี้พระลูกน้อยจะคอยหาอนึ่งมรคาก็ช่องแคบหว่างคีรี
เป็นตรอกน้อยรอยวิถีที่เฉพาะจร ทั้งสามสัตว์ก็มาเนื่องนอนสกัดหน้า ครั้นจะลีลาหลีกลัดตัดเอาไปทางใดก็เหลือเดิน
ทั้งสองข้างเป็นโขดเขินขอบคันข้นกั้นไว้
นีเจ โวลมฺพเก สุริเยทั้งเวลาก็เย็นลงเย็นลงไรๆ
จะค่ำแล้ว ยังไม่เห็นหน้าพระลูกแก้วของแม่เลย
อกเอ๋ยจะทำไฉนดี
จึ่งจะได้วิถีทางที่จะครรไล
พระนางจึ่งปลงหาบคอนลงวอนไหว้แล้วอภิวาทน์ ข้าแต่พญาพาฬมฤคราชอันเรืองเดช ท่านก็เป็นพญาสัตว์ในหิมเวศวนาสณฑ์ จงจงผินพักตร์ปริมณฑลทั้งสามรา มารับวันทนาน้อมไปด้วยทศนัขเบญจางค์ เม เมาะ
มยาแห่งน้องนางนามชื่อพระมัทรี ราชปุตฺตีน้องก็กลายเป็นกัลยาณี
หน่อกษัตริย์มัททราชสุริยวงศ์อนึ่งน้องเป็นเอกองค์อัครบริจาริกากรแห่งพระเวสสันดรราชฤๅษี อันจำจากพระบุรีมาอยู่ไพร
น้องนี้ก็ตั้งใจสุจริตติดตามมาด้วยกตเวที อนึ่งพระสุริยศรีก็ย่ำสนทยาสายัณห์แล้ว เป็นเวลาพระลูกแก้วจะอยากนมกำหนดเสวย พระเจ้าพี่ของน้องเอ๋ยพระสามรา ขอเชิญกลับไปยังรัตนคูหาห้องแก้ว แล้วจะได้เชยชมซึ่งลูกรักและเมียขวัญ อนึ่งน้องนี้จะแบ่งปันผลไม้ให้สักกึ่ง ครึ่งหนึ่งน้องจะขอไปฝากพระหลานน้อย ๆ
ทั้งสองรา มคฺคํ เม
เทถ ยาจิตา พระเจ้าพี่ทั้งสามของน้องเอ่ย จงมีจิตคิดกรุณาสังเวชบ้าง ขอเชิญล่วงครรไลให้หนทาง พนาวันอันสัญจร แก่น้องที่วิงวอนอยู่นี้เถิด
ฯลฯ
ตโยเทวปุตฺตา ส่วนเทพเจ้าทั้งสามองค์ได้ทรงฟังพระเสาวนีย์
พระมัทรีเธอไหว้วอนขอหนทาง พระพักตร์นางนองด้วยน้ำพระเนตร เทพพระเจ้าก็สังเวชในวิญญาณ ก็พากันอุฏฐาการคลาไคลให้มรคาแก่นางพระยามัทรี พอแจ่มแจ้งแสงศศิธร นางก็ยกหาบคอนขึ้นใส่บ่า เปลื้องเอาพระภูษามาคาดพระถันให้มั่นคงวิ่งพลางนางทรงกันแสงพลาง ยะเหยาะเหย่าทุกฝีย่างไม่หย่อนหยุด
พักหนึ่งก็ถึงที่สุดบริเวณพระอาวาสที่พระลูกเจ้าเคยประพาสแล่นเล่น ประหลาดแล้วแลไม่เห็นก็ใจหาย ดั่งว่าชีวิตนางจะวางวายลงทันที จึ่งตรัสเรียนว่าแก้วกัณหาพ่อชาลีของแม่เอ่ย
แม่มาถึงแล้ว เหตุไฉนพระลูกแก้วจึ่งมิมาเล่าหลากแก่ใจ แต่ก่อนแต่ไรซิพร้อมเพรียง
เจ้าเคยวิ่งระรี่เรียงเคียงแข่งกันมาคอยรับพระมารดา ทรงพระสรวลสำรวลร่าระรื่นเริงรีบเอาขอคานแล้วก็พากันกราบกรานพระชนนี พ่อชาลีเจ้าเลือกเอาผลไม้ แม่กัณหาฉะอ้อนวอนไห้ว่าจะเสวยนม ผทมเหนือพระเพลาพลางฉอเลาะแม่นี้ต่างๆ ตามประสาทารกเจริญใจ วจฺฉา พาลาว
มาตรํมีอุปไมยเสมือนหนึ่งลูกทรายทรามคะนอง
ปองที่ว่าจะชมแม่เมื่อสายัณห์
โอพระจอมขวัญของแม่เอ่ย เจ้ามิเคยได้ยากย่างเท้าลงเหยียบดิน รินก็มิได้ไต่ไรก็มิได้ตอม เจ้าเคยฟังแต่เสียงพี่เลี้ยงเขาขับกล่อมบำเรอด้วยดุริยางค์
ยามบรรทมธุลีลมก็มิได้พัดมาแผ้วพาน แม่สู้พยาบาลบำรุงเจ้าแต่เยาว์มา
เจ้ามิได้ห่างพระมารดาสักหายใจ โอความเข็ญใจครั้งนี้นี่เหลือขาด สิ้นสมบัติพลัดญาติยังแต่ตัวต้องไปหามาเลี้ยงลูกเลี้ยงผัวทุกเวลา
แม่มาสละเจ้าไว้เป็นกำพร้าทั้งสององค์ หํสาว เสมือนหนึ่งลูกหงส์เหมราชปักษิน ปราศจากมุจลินท์ไปตกคลุกในโคลนหนอง สิ้นสีทองอันผ่องแผ้ว แม่กลับมาถึงแล้วได้เชยชมชื่นสบาย ที่เหนื่อยยากก็เสื่อมหายคลายทุกข์ทุเลาลง ลืมสมบัติทั้งวงศาในวังเวียง โอ แต่ก่อนเอยแม่เคยได้ยินแต่เสียงเจ้าเจรจาแจ้ว
ๆ อยู่ตรงนี้ อิทํปทวลญฺชํนั่นก็รอยเท้าพ่อชาลี นี่ก็บทศรีแม่กัณหาพระมารดายังแลเห็น โน่นก็กรวดทรายเจ้ายังรายเล่นเป็นกอง ๆ สิ่งของทั้งหลายเป็นเครื่องเล่นยังเห็นอยู่ น ทิสฺสเรแต่ลูกรักทั้งคู่ไปอยู่ไหนไม่เห็นเลย
อยํโสอสฺสโมโอ
พระอาศรมเจ้าเอ๋ยน่าอัศจรรย์ใจ แต่ก่อนนี่ดูสดใสด้วยสีทอง เสียงเนื้อนกนี่ร่ำร้องสำราญรังเรียกคู่คูขยับขัน ทั้งจักจั่นพรรณลองไน เรไรร้องอยู่หริ่ง ๆ
ระเรื่อยโรย โหยสำเนียงดั่งเสียงสังคีตขับกระโคมไพร โอ เหตุไฉนเหงาเงียบเมื่อยามนี้ ทั้งอาศรมก็หมองศรีเสมือนหนึ่งว่าจะโศกเศร้า เออ ชะรอยว่าพระเจ้าลูกจะวอโยกพลัดพรากไปจากอกพระมารดาเสียจริงแล้วกระมังในครั้งนี้
นางก็กลับเข้าไปทูลพระราชสามีด้วยสงสัยว่า
พระพุทธเจ้าข้า
ประหลาดใจกระหม่อนฉัน อันสองกุมารไปอยู่ไหนไม่แจ้งเหตุ
หรือพากันไปเที่ยวลับพระเนตรนอกตำแหน่ง
สิงห์สัตว์ที่ร้ายแรงคะนองฤทธิ์
มาพานพบขบกัดตัดชีวิตพระลูกข้าพาไปกินเป็นอาหาร ถึงกระนั้นก็จะพบพานซึ่งกเลวระร่าง
มิเลือดก็เนื้อจะเหลืออยู่บ้างสักสิ่งอัน แต่พอแม่ได้รู้สำคัญว่าเป็นหรือตาย สุดที่แม่จะมุ่งหมายสุดประมาณแล้ว
จึ่งตรัสว่าโอ้เจ้าแว่นแก้วสุดสว่างอกของแม่เอ่ย แม่เคยได้รับขวัญเจ้าทุกเวลา เป็นไรเล่าเจ้าจึ่งไม่มาเหมือนทุกวัน มตาหรือว่าพระลูกเจ้าอาสัญสูญสิ้นพระชนมาน
อยู่ในป่าพระหิมพานต์นี้แล้วแล
ฯลฯ
เมื่อสมเด็จพระมัทรีเธอกราบทูลพระราชสามีสักเท่าใด
ๆ ท้าวเธอมิได้ตรัสปราศรัยจำนรรจา
นางยิ่งกลุ้มกลัดขัดพระอุราผะผ่าวร้อน ข้อนพระทรวงทรงพระกันแสงว่าเจ้าแม่เอ่ย
แม่มิเคยได้เคืองแค้นเหมือนหนึ่งครั้งนี้
เมื่อจากบุรีทุเรศมา ก็พร้อมหน้าทั้งลูกผัวเป็นเพื่อนทุกข์ สำคัญว่าจะเป็นสุขประสายากเมื่อยามจน ครั้นลูกหายทั้งสองคนก็สิ้นคิด บังคมทูลพระสามีก็มิได้ตรัสแต่สักนิดสักหน่อยหนึ่ง ท้าวเธอก็ขึงขังตึงพระองค์ ดูเหมือนพระขัดเคืองเต็มเดือดด้วยอันใด นางก็เศร้าสร้อยสลดพระทัยดั่งเอาเหล็กแดงมาแทงใจให้เจ็บจิตนี่เหลือทน
อุปมาเหมือนคนไข้หนักแล้วมิหนำยังแพทย์เอายาพิษมาวางซ้ำให้เวทนา เห็นชีวานี้คงจะไม่รอดไปสักกี่วัน
พระคุณเอ่ย วาสนามัทรีไม่สมคะเนแล้ว พระทูลกระหม่อมแก้วจึ่งชิงชังไม่พูดจา
ทั้งลูกรักดังแก้วตาก็หายไป อกเอ๋ยจะอยู่ไปไยให้ทนเวทนาอุปมาเสมือนหนึ่งพฤกษาลดาวัลย์ย่อมจะอาสัญลงเพราะลูกเป็นเที่ยงแท้ ถ้าแม้นพระองค์ไม่ทรงเลี้ยงมัทรีไว้ จะนิ่งมัธยัสถ์ตัดเยื่อใยไม่โปรดบ้าง ก็จะเห็นแต่กเลวระร่างซากศพของมัทรี
อัมโทรมตายกายกลิ้งอยู่กลางดง เสียเป็นมั่นคงนี้แล้วแล
อถมหาสตฺโตสมเด็จพระราชสมภาร เมื่อได้สดับสารพระมัทรีเธอแสนวิโยคโศกศัลย์สุดกำลัง ถึงแม้นจะมิตรัสกับนางมั้งจะมิเป็นการ จำจะเอาโวหารการหึงเข้ามาหักโศกให้เสื่อมลง จึ่งเอื้อนโองการตรัสประภาษว่า นนุมทฺทิดูกรนางนาฏ พระน้องรัก
ภทฺเทเจ้าผู้มีพักตร์อันผุดผ่องเสมือนหนึ่งเอาน้ำทองมาทาบทับประเทืองผิว ราวกะว่าจะลอยลิ่วเลื่อนลงจากฟ้า ใครได้เห็นเป็นขวัญตาเต็มจะหลงละลายทุกข์ปลุกเปลื้องอารมณ์ชายให้เชยชื่น
จะนั่งนอนเดินยืนก็ต้องอย่าง วราโรหาพร้อมด้วยเบญจางคจริตรูปจำเริญ โฉมประโลมโลกล่อแหลมวิไลลักษณ์ ราชปุตฺตี ประกอบด้วยเชื้อศักดิ์สมมุติวงศ์พงศ์กษัตรา
เออก็เมื่อเช้าเจ้าจะเข้าป่าน่าสงสารปานประหนึ่งว่าจะไปมิได้ ทำร้องไห้ฝากลูกมิรู้แล้ว ครั้นคลาดแคล้วเคลื่อนคล้อยเข้าสู่ดง ปานประหนึ่งว่าจะหลงลืมลูกสละผัวต่อมืดมัวจึ่งกลับมา ทำเป็นบีบน้ำตาตีอกว่าลูกหาย ใครจะไม่รู้แยบคายความคิดหญิง ถ้าแม้นเจ้าอาลัยอยู่ด้วยลูกจริง ๆ
เหมือนวาจา ก็จะรีบกลับเข้ามาแต่วี่วันไม่ทันรอน
เออนี่เจ้าเที่ยวพเนจรนอนตามสนุกใจ ชมนกชมไม้ในไพรวันสารพันที่จะมี ทั้งฤๅษีสิทธ์วิทยาธรคนธรรพ์ เทพารักษ์ผู้มีพักตร์อันเจริญ เห็นแล้วก็น่าเพลิดเพลินไม่เมินได้ หรือเจ้าปะผลไมประหลาด รสสดสุกทรามเสวยไม่เคยกิน เจ้าฉวยชิมชอบลิ้นก็หลงฉันอยู่จึ่งช้า อุปมาเสมือนหนึ่งภุมรินบินวะว่อน เที่ยวซับซาบเอาเกสรสุคนธมาเลศ พบดอกไม้อันวิเศษต้องประสงค์
หลงเคล้าคลึงรสจนลืมรัง เข้าเถื่อนเจ้าลืมพร้าได้หน้าแล้วลืมหลังไม่แลเหลียว เที่ยวทอดประทับมากลางทาง อันว่าพระนางสิเป็นหน่อกษัตริย์จะไปไหนก็มีแต่กลดกั้น
พานจะเกรงแสงสุริยันไม่คลาเคลื่อน เจ้ารักเดินด้วยแสงเดือนชมดาวพลาง ได้น้ำค้างกลางคืนชื่นอารมณ์สมคะเน พอมาถึงก็ทำเสขึ้นเสียงเลี่ยงเลี้ยวพาโลว่าลูกหาย
เออนี่เจ้ามิหมายว่าใคร ๆ ไม่รู้ทันกระนั้นกระมัง หรือเจ้าเห็นว่าพี่นี้เป็นชีอดจิตคิดอนิจจังทิ้งพยศอดอารมณ์เสีย เจ้าเป็นเพียงแต่เมียควรหรือมาหมิ่นได้ ถ้าแม้นพี่อยู่ในกรุงไกรเหมือนแต่ก่อนเก่า หากว่าเจ้าทำเช่นนี้ กายของมัทรีก็จะขาดสะบั้นลงทันตา
ด้วยพระกรเบื้องขวาของอาตมานี้แล้วแล
สา มทฺทีส่วนสมเด็จพระยอดมิ่งเยาวมาลย์มัทรี เมื่อได้สดับคำพระราชสามีบริภาษณานาง ที่ความโศกก็เสื่อมสร่างสงบจิตเพราะเจ็บใจ จึ่งก้มพระเศียรลงกราบไหว้แล้ววันทนาพลาง นางจึ่งทูลสนองพระราชบัญญัติว่า พระพุทธเจ้าข้า ควรมิควรสุดแท้แต่จะทรงพระกรุณาโปรดที่โทษานุโทษเป็นล้นเกล้า ด้วยข้าพระพุทธเจ้ากลับมาเวลาค่ำ ทั้งนี้เพราะเป็นกระลีขึ้นในไพรวัน พฤกษาทุกสิ่งสารพันก็แปรปรวนทุกประการ ทั้งพื้นป่าพระหิมพานต์ก็ผัดผันหวั่นไหวอยู่วิงเวียนเปลี่ยนเป็นพยับมืดไม่เห็นหน ข้าพระบาทนี่ร้อนรนไม่หยุดหย่อนแต่สักอย่าง แต่เดินมายังเกิดประหลาดลางขึ้นในกลางพนาลี พบพญาราชสีห์สองเสือทั้งสามสัตว์สกัดหน้าไม่มาได้ ต่อสิ้นแสงอโณทัยจึ่งได้คลาเคลื่อน ใช่จะเป็นเหมือนพระองค์ดำรินั้นก็หามิได้ พระพุทธเจ้าข้า ตั้งแต่เกล้ากระหม่อมฉันตกมาเป็นข้าน้อย พระองค์เห็นพิรุธร่องรอยร้าวรานที่ตรงไหน ทอดพระเนตรสังเกตไว้แต่ปางก่อน จึงเคืองค่อนด้วยคำหยาบยอกใจเจ็บจิตเหลือกำลัง พระคุณเอ่ยจะคิดดูมั่งเป็นไรเล่าว่า มัทรีนี้เป็นข้าเก่าแต่ก่อนมาดั่งเงาตามพระบาทาก็เหมือนกัน นอกจากนั้นที่แน่นอนคือ นางไหนอันสนิทชิดใช้แต่ก่อนกาล ยังจะติดตามพระราชสมภารมาบ้างละหรือ ได้แต่มัทรีแสนดื้อผู้เดียวดอก ไม่รู้จักปลิ้นปลอกพลิกไพล่เอาตัวหนี มัทรีสัตยาสวามิภักดิ์รักผัวเพียงบิดาก็ว่าได้
ถึงจะยากเย็นเข็ญใจก็ตามกรรมวนมูลผลหาริยาอุตสาหะตระตรากตระตรำเตร็ดเตร่หาผลาผลไม้ ถึงที่ไหนจะรกเรี้ยวก็ซอกซอนอุตส่าห์เที่ยวไม่ถอยหลัง
จนเนื้อหนังข่วนขาดเป็นริ้วรอย โลหิตไหลย้อยทุกหย่อมหนามอารามจะใคร่ ได้ผลาผลไม้มาปฏิบัติลูกบำรุงผัว ถึงกระไรจะคุ้มตัวก็ทั้งยากน่าหลากใจ อกของใครจะอาภัพยับพิกลเหมือนอกของมัทรีไม่มีเนตร น่าที่จะสงสารสังเวชโปรดปรานีว่ามัทรีนี้เป็นเพื่อนยากอยู่จริง
ๆ ช่างค้อนติงปริภาษณาได้ลงคอไม่คิดเลย พระคุณเอ่ยถึงพระองค์จะสงสัย ก็น้ำใจของมัทรีนี้กตเวทีเป็นไม้เท้าก้าวเข้าสู่ทางที่ทดแทน รามํ สีตาวนุพฺพตาอุปมาแม้นเหมือนสีดาอันภักดีต่อสามีรามบัณฑิต ปานประหนึ่งว่าศิษย์กับอาจารย์ พระคุณเอ่ยเกล้ากระหม่อมฉานทำผิดแต่เพียงนี้ เพราะว่าล่วงราตรีจึ่งมีโทษ ขอพระองค์จงทรงพระกรุณาโปรดซึ่งโทษานุโทษกระหม่อมฉันมัทรี แต่ครั้งเดียวนี้เถิด
ฯลฯ
เมื่อสมเด็จพระยอดมิ่งเยาวมาลย์มัทรี
กรายทูลพระราชสามีสักเท่าใด ๆ ท้าวเธอจะได้ปราศรัยก็ไม่มี พระนางยิ่งหมองศรีโศกกำสรดสะอึกสะอื้น ถวายบังคมคืนออกมาเที่ยวแสวงหาพระลูกรักทุกหนแห่ง
กระจ่างแจ้งด้วยแสงพระจันทร์ส่องสว่างพื้นอัมพรประเทศวิถี นางเสด็จจรลีไปหยุดยืนในภาคพื้นปริมณฑลใต้ต้นหว้า จึ่งตรัสว่า อิเม เต ชมฺพุกา
รุกฺขา ควรจะสงสารเอ่ยด้วยต้นหว้าใหญ่ใกล้อาราม
งามด้วยกิ่งก้านประกวดกัน ใบชอุ่มประชุมช่อเป็นฉัตรชั้นดั่งฉัตรทอง แสงพระจันทร์ดั้นส่องต้องน้ำค้างที่ขังให้ไหลลงหยดย้อย
เหมือนหนึ่งน้ำพลอยพร้อยๆพราย ๆ ต้องกับแสงกรวดทรายที่ใต้ต้นอร่ามวามวาวดูเป็นวงวนแวว
ดั่งบุคคลเอาแก้วมาระแนงแกล้งมาโปรยโรยรอบปริมณฑลก็เหมือนกัน งามดั่งไม้ปริชาตในเมืองสวรรค์มาปลูกไว้
ลูกรักเจ้าแม่เอ่ย
เจ้าเคยมาอาศัยนั่งนอนประทับร้อนสำราญร่มรื่น ๆ สำรวลเล่นเย็นสบายพระพายรำเพยพัดมาฉิวเฉื่อยเรไรระรี่เรื่อยร้องอยู่หริ่ง
ๆ แต่ลูกรักของแม่ทั้งชายหญิงไปอยู่ไหนไม่เห็นเลย
มหานิโคฺรธชาตํอนิจจาเอ่ยเห็นแต่ไทรทองถัดกันไป กิ่งก้านใบรากห้อยยื่นระย้า เจ้าเคยมาห้อยโหนโยนชิงช้าชวนกันแกว่งไกว แล้วเล่นไล่ปิดตาเร้นแทบหลังบริเวณพระอาวาส อิมา ตา โปกฺขรณีรมฺมา
เจ้าเคยมาประพาสสรงสนานในสระศรี
โบกขรณีตำแหน่งนอกพระอาวาส
นางเสด็จลีลาสไปเที่ยวเวียนรอบ จึ่งตรัสว่าน้ำเอ๋ยเคยมาเปี่ยมขอบเป็นไร
จึ่งขอดขุ่นลงหมอง พระพายเจ้าเอ่ยเคยมาพัดต้องกลีบอุบล พากลิ่นสุคนธ์ขจรรสมารวยรื่นเป็นไรจึ่งเสื่อมหอมหายชื่นไม่เฉื่อยฉ่ำฝูงปลาเอ๋ยเคยมาผุดคล่ำดำแฝงฟอง บ้างก็ขึ้นล่องว่ายอยู่ลอยเลื่อยชมแสงเดือนอยู่พราย
ๆ เป็นไรจึ่งไม่ว่ายเวียนวน นกเจ้าเอ่ยเคยบินลงไล่จิกเหยื่อทุกเวลา
วันนี้แปลกเปล่าตาแม่แลไม่เห็น พระลูกเอ่ยเจ้าเคยมาเที่ยวเล่นแม่แลไม่เห็นแล้ว โอ้แลเห็นแต่สระแก้วอยู่อ้างว้างวังเวงใจ นางก็เสด็จครรไลล่วงตำบลเที่ยวค้นหาพระลูกตามลำเนาเนินป่า ทุกสุ่มทุมพุ่มพฤกษาสูงยูงยางใหญ่ไพรระหง พนัสแดนดงเย็นยะเยือกเงียบสงัดเหงา ได้ยินแต่เสียงดุเหว่าละเมอร้องก้องพนาเวศ พระกรรณเธอสังเกตว่าสองดรุณเยาวเรศเจ้าร้องขานอยู่แว่ว
ๆ ให้หวาดว่าสำเนียงพระลูกแก้วเจ้าขานรับพระมารดา นางเสด็จลีลาเข้าไปดู เห็นหมู่สัตว์จตุบาทกลาดกลุ้มเข้าสุมนอน นางก็ยิ่งสะท้อนถอนพระทัยเทวษครวญเสด็จด่วน
ๆ ดะดุ่มเดินเมิงมุ่งละเมาะไม้มองหมอบ แต่ย่างเหยียบกรอบก็เหลียวหลัง พระโสตฟังให้วาดแว่วว่าสำเนียงเสียงพระแก้วเจ้าบ่นอยู่งึม
ๆ พุ่มไม้ครึ้มเป็นเงา ๆ
ชะโงกเงื้อม พระเนตรเธอแลเหลือบให้ลายเลื่อมเป็นรูปคนตะคุ่ม
ๆ อยู่คล้าย ๆ แล้วหายไป สมเด็จอรไทเธอเที่ยวตะโกนกู่กู๋ก้อง พระพักตร์เธอฟูมฟองนองไปด้วยน้ำพระเนตรเธอโศกา
จึ่งตรัสว่าโอ้โอ๋เวลาปานฉะนี้เอ่ยมิดึกดื่น จวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่งเสียแล้วกระไรไม่รู้เลย พระพายรำเพยพัดมารี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว อกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดล่ะห้อย ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้ สุดที่แม่จะติดตามเจ้าไปในยามนี้
ฝูงลิงค่างบ่างชะนีที่นอนหลับ ก็กลิ้งกลับเกลือกตัวอยู่ยั้วเยี้ย
ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุกรวงรัง แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศทั่วประเทศทุกราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสำเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื่องย่องยกย่างลงเหยียบดิน ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่สักนิดไม่มีเลย
จึ่งตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทั้งคู่ของแม่เอย หรือว่าเจ้าทิ้งขว้างวางจิตไปเกิดอื่น
เหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล
ภิกฺขเวดูกรสงฆ์ผู้ทรงพรหมจารี เมื่อสมเด็จพระมัทรีกำสรดแสนกัมปนาทเพียงพระสันดานจะขาดจะดับสูญ
ปริเทวิตฺวานางเสวยพระอาดูรพูนเทวษในพระอุรา น้ำพระอัสสุชลนาเธอไหลนองครองพระเนตร ทรงพระกันแสงแสนเทวษพิไรร่ำ ตั้งแต่ประถมยามค่ำไม่หย่อนหยุดแต่สักโมงยาม นางเสด็จไต่เต้าติดตามทุกตำบลละเมาะไม้ไพรสณฑ์ศิขริน
ทุกห้วยธารละหานหินเหวหุบก้องคูหาวาสทรงพระพิไรร้องก้องประกาศเกริ่นสำเนียง พระสุรเสียงเธอเยือกเย็นระย่อทุกอกสัตว์ พระพายรำเพยทุกกิ่งก้านบุษบงก็เบิกบานผกากร รัศมีพระจันทร์ก็มัวหมองเหมือนหนึ่งจะเศร้าโศกแสนวิปโยคเมื่อยามปัจจุสมัย
ทั้งรัศมีพระสุริโยทัยส่องอยู่รางๆขึ้นเรืองฟ้า
เสียงชะนีเหนี่ยวไม้ไห้หาละห้อยโหย
พระกำลังนางก็อิดโรยพิไรร่ำร้อง พระสุรเสียงเธอกู่ก้องกังวานดง เทพเจ้าทุกพระองค์กอดพระหัตถ์เงี่ยพระโสตสดับสาร พระเยาวมาลย์เธอเที่ยวหาพระลูก พระนางเธอเสวยทุกข์แสนเข็ญ ตั้งแต่ยามเย็นจนรุ่งเช้าก็สุดสิ้นที่จะเที่ยวค้น ทุกตำแหน่งแห่งละสามหนเธอเที่ยวหา ปณฺณรสโยชนมคฺคํถ้าจะคลี่คลายขยายมรคาก็ได้สิบห้าโยชน์โดยนิยม นางจึ่งเซซังเข้าไปสู่พระอาศรมบังคมบาทพระภัสดา ประหนึ่งว่าชีวาจะวางวายทำลายล่วง สองพระกรเธอข้อนทรวงทรงพระกันแสงครวญคร่ำแล้วรำพันว่า โอ้เจ้าดวงสุริยันจันทรทั้งคู่ของแม่เอ่ย แม่ไม่รู้เลยว่าเจ้าจะหนีพระมารดาไปสู่พาราใดไม่รู้ที่ หรือว่าข้ามนทีทะเลวนหิมเวศประเทศทิศแดนใด ถ้ารู้แจ้งประจักษ์ใจแม่ก็จะตามเจ้าไปจนสุดแรง นี่ก็เหลือที่แม่จะเที่ยวแสวงสืบเสาะหา เมื่อเช้าแม่จะเข้าไปสู่ป่า พ่อชาลีแม่กัณหายังทูลสั่งแม่ยังกลับหลังมาโลมลูบจูบกระหม่อมจอมเกล้าทั้งสองรา กลิ่นยังจับนาสาอยู่รวยรื่น โอ้พระลูกข้านี้จะไม่คืนเสียแล้วกระมังในครั้งนี้ กัณหาชาลีลูกรักแม่ นับวันแต่ว่าจะแลลับล่วงไปเสียแล้วหนอ ใครจะกอดพระศอเสวยนมผทมด้วยแม่เล่า ยามเมื่อแม่จะเข้าที่บรรจถรณ์ เจ้าเคียงเรียงหมอนนอนแนบข้างทุกราตรี แต่แม่นี้จะกล่อมใครให้นิทรา โอ้แม่อุ้มท้องประคองเคียงเลี้ยงเจ้ามาก็หมายมั่น
สำคัญว่าจะได้อยู่เป็นเพื่อนยากจะฝากผีพึ่งลูกทั้งสองคน
มิรู้ว่าจะกลับวิบัติพลัดพรากไม่เป็นผลให้อาเพศผิดประมาณ เจ้าเอาแต่ห่วงสงสารนี่หรือมาสวมคล้องให้แม่นี้ติดต้องข้องอยู่ด้วยอาลัย เจ้าทิ้งชื่อและโฉมไว้ให้เปล่าอกในวิญญาณ์เมื่อเช้าแม่จะเข้าไปสู่ป่ายังได้เห็นหน้าเจ้าอยู่หลัด
ๆ ควรและหรือมาสลัดแม่นี้ไว้ เหมือนจะเตือนให้แม่นี้บรรลัยเสียจริงแล้ว ควรจะสงสารเอ่ยด้วยนางแก้วกัลยาณี น้อมพระเกศีลงทูลถามหวังจะติดตามพระลูกรักทั้งสองรา กราบถวายบังคมลาลุกเลื่อนเขยื้อนยกพระบาทเยื้องย่าง พระกายนางให้เสียวสั่นหวั่นไหวไปทั้งองค์ ดุจชายธงอันต้องกำลังลมอยู่ลิ่ว ๆ สิ้นพระแรงโรยเธอโหยหิวระหวยทรวง พระศอเธอหงุบง่วงดวงพระพักตร์เธอผิดเผือดให้แปรผัน จะทูลสั่งก็ยังมิทันที่ว่าจะทูลเลย แต่พอตรัสว่าพระคุณเจ้าเอ๋ยคำเดียวเท่านั้น ก็หายเสียงเอียงพระกายบ่ายศิโรเพฐน์พระเนตรหลับหับพระโอษฐ์ลงทันทีวิสญฺญีหุตฺวานางถึงวิสัญญีสลบลงตรงหน้าฉาน ปานประหนึ่งว่าพุ่มฉัตรทองอันต้องสายอัสนีฟาดขาดระเนนเอนแล้วก็ล้มลงตรงหน้าพระที่นั่งเจ้า
นั้นแล
ฯลฯ
อถมหาสตฺโตปางนั้นสมเด็จพระเวสสันดรอดุลดวงกษัตริย์ ตรัสทอดพระเนตรเห็นพระอัคเรศถึงวิสัญญีภาพสลบลงวันนั้น พระทัยท้าวเธอสำคัญว่าพระนางเธอวางวายสะดุ้งพระทัยหายว่าโอ้อนิจจามัทรีเจ้าพี่เอ๋ย
บุญพี่นี้น้อยแล้วนะเจ้าเพื่อนยาก
เจ้ามาตายจากพี่ไปในวงวัด เจ้าจะเอาป่าชัฏนี่หรือมาเป็นป่าช้า จะเอาพระบรรณศาลานี่หรือเป็นบริเวณพระเมรุทอง จะเอาแต่เสียงสาลิกาอันร่ำร้องนั้นหรือมาเป็นกลองประโคมใน
จะเอาแต่เสียงจักจั่นและเรไรอันร่ำร้องนั่นหรือมาต่างแตรสังข์และพิณพาทย์ จะเอาแต่เมฆหมอกในอากาศนั่นหรือมากั่นเป็นเพดาน จะเอาแต่ยูงยางในป่าพระหิมพานต์มาต่างฉัตรเงินและฉัตรทอง
จะเอาแต่แสงพระจันทร์อันผุดผ่องมาต่างประทีปแก้วโอภาส อนิจจามัทรีเอ่ยมาตายอเนจอนาถไร้ญาติที่กลางดง ครั้นท้าวเธอค่อยคลายลงที่โศกศัลย์ จึ่งผันพระพักตร์มาพิจารณาก็รู้ว่ายังไม่อาสัญ จึ่งเข้าไปยังพระคันธกุฎีจับเอาคนทีอันเต็มไปด้วยน้ำมาทันใด
ตั้งแต่พระองค์ทรงพระผนวชไพรมาได้ถึงเจ็ดเดือนปลาย จะได้ต้องพระกายนางมัทรีก็หามิได้ เมื่อความทุกข์พ้นวิสัยที่จะกำหนดว่าอาตมะนี้เป็นดาบสฤๅษี ยกเศียรพระมัทรีขึ้นใส่ตักวักเอาพระวารีมาโสรจสรงลงที่อุระพระมัทรี หวังว่าจะให้ชุ่มชื่นฟื้นสมปฤๅดีคืนมาแห่งนางพระยา นั้นแล
ฯลฯ
ภิกฺขเวดูกรภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลวิสุทธิสิกขา
เมื่อสมเด็จพระมัทรีเธอได้สมปฤาดีคืนมา นางพระยาเจ้าละอายแก่เทพยาดานัก ด้วยตัวตัวมานอนอยู่บนตักพระราชสามีมิบังควรอุฏฐาย
จึงอุฏฐาการโดยด่วนเลื่อนพระองค์ลงจากพระราชสามี พระมัทรีจึ่งทูลถามว่าพระพุทธเจ้าข้า พระลูกรักทั้งสองเราไปอยู่ไหนนะฝ่าพระบาท ท้าวเธอจึ่งตรัสประภาษว่า ดูกรเจ้ามัทรี อันสองกุมารนี้พี่ให้เป็นทานแก่พราหมณ์แต่วันวานนี้แล้ว พระน้องแก้วเจ้าอย่าโศกศัลย์ จงตั้งจิตของเจ้านั้นให้โสมนัสศรัทธา ในทางอันก่อกฤดาภินิหารทานบารมี ลจฺฉามปุตตฺชีวนฺตาถ้าเราทั้งสองนี้ยังมีชีวิตสืบไป
อันสองกุมารนี้ไซร้
ก็คงจะได้พบกันเป็นมั่นแม่น ถึงแสนสัตพิธรัตน์เครื่องอลงการซึ่งพระราชทานไปนั้นเราก็จะได้ด้วยพระทัยหวัง ทชฺชา สปฺปุริโสทานํมัทรีเอ่ย อันอริยสัตบุรุษเห็นปานดั่งตัวพี่ฉะนั้น ถึงจะมีข้าวของสักเท่าใด ๆ ทิสฺวา ยาจกมาคเต ถ้าเห็นยาจกเข้ามาใกล้ไหว้วอนขอไม่ย่อถ้อในทางทาน จนแต่ชั้นลูกรักยอดสงสารพี่ยังยกให้เป็นทานได้ อันสองกุมารนี้ไซร้เป็นแต่ทานพาหิรกะภายนอกไม่อิ่มหนำ พี่จะใคร่ให้อัชฌัติกทานอีกนะเจ้ามัทรี ถ้าแม้นมีบุคคลผู้ใดปรารถนาเนื้อหนังมังสังโลหิตดวงหทัยนัยนเนตรทั้งซ้ายขวา พี่ก็จะแหวะผ่าให้เป็นทานไม่ย่อท้อเพียงนี้ มัทรีเอ่ย จงศรัทธาด้วยอนุโมทนาทานในกาลบัดนี้เถิด
สมเด็จพระมัทรีทูลสนองพระโองการว่า พระพุทธเจ้าข้า แต่วันวานนี้เหตุไฉนจึ่งทราบเกล้า ท้าวเธอจึ่งตรัสว่าพระน้องเอ่ย พี่จะเล่าให้เจ้าฟังก็สุดใจ ด้วยเจ้ามาแต่ป่ายังเหนื่อยนัก พี่เห็นว่าความร้อนความรักจะรุกอก ด้วยสองดรุณทารกเป็นเพื่อนไร้ เจ้ามัทรีเอ่ย จงผ่องใสอย่าสอดแคล้น อันสองพระลูกแก้วไปไกลเนตร พระนางจึ่งตรัสว่า
พระพุทธเจ้าข้าอันสองกุมารนี้ เกล้ากระหม่อมฉานได้อุตสาหะถนอม ย่อมพยาบาลบำรุงมา ขออนุโมทนาด้วยปิยบุตรทานบารมี ขอให้น้ำพระหฤทัยพระองค์จงผ่องแผ้วอย่ามีมัจฉริยธรรมอกุศล อย่ามาปะปนในน้ำพระทัยของพระองค์เลย ท้าวเธอจึ่งตรัสว่าพระน้องเอ่ย ถ้าพี่มิได้ให้ด้วยเสื่อมใสศรัทธาแท้แล้ว ที่ไหนเลยแผ่นดินดานจะกัมปนาทหวาดหวั่นไหวจลาจล
ท้าวเธอเล่านุสนธิ์มหัศจรรย์
อันมีอยู่ในกัณฑ์กุมารบรรพ กลับมาเล่าให้พระมัทรีฟังแต่ในกาลหนหลังนี้แล้วแล
สา มฺทฺทีส่วนสมเด็จพระมัทรีศรีสุนทรบวรราชธิดามหาสมมุติวงศ์วิสุทธิสืบสันดานมา
วราโรหา ทรงพระพักตร์ผิวผ่องดุจเนื้อทองไม่เทียมสี ยสสฺสินี มีพระเกียรติยศอันโอฬารล้ำเลิศวิไลลักษณ์ยอดกษัตริย์ อันทรงพระศรัทธาโสมนัสนบนิ้วประนมน้อมพระเศียรเคารพทาน ท้าวเธอก็ก็ชื่นบานบริสุทธิ์ด้วยปิยบุตรมิ่งมกุฎทานอันพิเศษ
ฝ่ายฝูงอมรเทเวศทุกวิมานมาศมนเทียรทุกหมู่ไม้
ก็ยิ้มแย้มพระโอษฐ์
ตบพระหัตถ์อยู่ฉาดฉาน
ร้องสาธุการสรรเสริญทานบารมี ทั้งสมเด็จอมรินทร์เจ้าฟ้าสุราลัยอันเป็นใหญ่ในดาวดึงส์สวรรค์
ก็มาโปรยปรายทิพยบุปผากรอง ทั้งพวงแก้วและพวงทองก็โรยร่วงจากกลีบเมฆกระทำสักการบูชาแก่สมเด็จนางพระยามัทรี ท้าวเธอทรงกระทำอนุโมทนาทาน เวสสฺสนฺตรสฺสแห่งพระเวสสันดรราชฤๅษีผู้เป็นพระภัสดา อิติ เมาะ
อิมินา ปกาเรนด้วยประการดังนี้แล้วแล(กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๔: ๒๕ – ๓๔)
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น